‘เบนจา อะปัญ’ เผยศาลไม่ให้ ประกันตัว จำเป็นต้องดรอปภาคเรียน

‘เบนจา อะปัญ’ เผยศาลไม่ให้ ประกันตัว จำเป็นต้องดรอปภาคเรียน

เบนจา อะปัญ แจ้งข่าวร้ายหลังเผยศาลไม่ให้ ประกันตัว จำเป็นต้องดรอปภาคเรียน เผยอาจารย์ในภาคไม่ค่อยให้ความช่วยเหลือ ต่างจากภาคสังคม เบนจา อะปัญ แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และผู้ต้องหาคดี ม.112 ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก แจ้งข่าวว่าจำเป็นต้องดรอปหรือพักการเรียนจากเทอมนี้ หลังจากที่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว

โดยข้อความเฟซบุ๊กระบุว่า “ก่อนหน้านี้ เราลงทะเบียนและเข้าสอบตามปกติ 

แต่อย่างที่หลายคนอาจจะเห็นช่วงสอบ Midterm เราก็ยังต้องไปศาล ไปสถานีตำรวจ และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจรังควาญ และเราก็ถูกตำรวจจับ เราจำเป็นต้องเลือกว่าจะลงทะเบียนต่อไปและหวังว่าศาลจะอนุญาตให้ประกันตัว หรือจะ drop การเรียนไว้ก่อน ช่วงที่เราเกิดปัญหาอาจารย์คณะเรา ไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออะไร มีเพียงเพื่อนที่ช่วยเท่าที่ช่วยได้ แต่ก็ไม่เหมือนความช่วยเหลือจากอาจารย์ ไม่เหมือนกับอาจารย์คณะทางสังคมที่ให้ความช่วยเหลือเพื่อน ๆ เมื่อต้องเข้าเรือนจำเราจึงไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะเห็นความสำคัญของการเรียนต้องจัด class เรียนให้เราเฉพาะ

การต้องอยู่ในเรือนจำกับการเรียนสายวิศวกรรมที่ต้องมีการคำนวณนั้นยากลำบาก แค่ผลกระทบจากการต้องเรียน online ก็ไม่สะดวกมากอยู่แล้ว ถ้าต้องเรียนในเรือนจำ ถ้าเราคำนวณไม่ได้จะถามใคร จะค้นหาคำตอบอย่างไร เราจึงตัดสินใจดรอปการเรียนในเทอมนี้เนื่องจากติดอยู่ในเรือนจำ เพราะเราคาดหวังผลการเรียนที่ดี เพื่อใช้ในการเรียนต่อปริญญาโทและปริญญาเอก

ถึง ณ ตอนนี้ เราไม่มีเหตุจำเป็นแบบเพื่อนที่ต้องออกไปสอบปลายภาค แต่เราก็ยังเป็นนักศึกษา และต้องการออกไปเรียน เราเรียนวิศวกรรมเครื่องกลเพื่อเป็น foundation เพื่อไปต่อปริญญาโท Aerospace Engineering เราอยากทำงานด้านอวกาศ แต่เราวางแผนว่าจะเรียนให้จบปริญญาเอก เพราะไม่ได้หวังว่าจะเป็นวิศวกรไปตลอด บั้นปลายชีวิตอยากเป็นอาจารย์ เลยอยากเรียนเฉพาะทางเพื่อเอามาพัฒนาประเทศในสาขาที่ประเทศไทยก็ยังขาดความรู้ด้านนี้ เพราะการเป็นอาจารย์และนักวิจัยก็สามารถทำคู่กันไปได้

ตอนนี้เราเกรดเฉลี่ยประมาณ 3.3 เราอยากเรียนเมื่อเราพร้อม เราจึงดรอปไว้ก่อนเพราะไม่อยากให้การติดคุกมีผลต่อเกรดและอนาคต ถึงเราดรอปและไม่มีกำหนดสอบในเทอมนี้ แต่ปล่อยเราเถอะ เรายังต้องเรียน เรามีประโยชน์มากกว่าที่จะกักขังเราไว้ในเรือนจำเฉย ๆ แค่นี้ยังทำลายอนาคตเราไม่พออีกหรือ

ตอนนี้เราสงสัยว่านอกจากอาจารย์บางท่านที่เข้าใจนักศึกษา แต่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ As a whole ในฐานะที่เป็นองค์กรนั้นหายไปไหนเหรอ และตอนนี้ก็เริ่มสงสัยว่าหรือเราเองที่เข้าใจผิดมาตลอด เริ่มงงว่าเราผิดจริงเหรอ

ตอนนี้ถูกแยกห้องกับรุ้งและในห้องมีอยู่ 27 คน ต้องนอนเบียดกัน นอนงอเข่า เพื่อนในห้องบอกว่า “เดี๋ยวก็ชิน” แต่เราสงสัยว่าทำไมต้องชิน ในเมื่อเราทำให้ดีกว่านี้ได้ ในเรือนจำเองก็ต้องพัฒนา”

แพทองธาร ถูกเด็ก 17 อ้างชื่อหลอกเงินคนอื่น แถมทักยืมเงินอีก 120,000

“อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร โพสต์แฉถูกเด็ก 17 อ้างเป็นแฟนคลับ ใช้ชื่อสวมรอยหลอกเงินคนอื่น แถมทักขอยืมเงินแสน แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาฯ พรรคเพื่อไทย ออกมาเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวเมื่อวันที่ 30 พ.ย.64 โดยโพสต์ข้อมูลผ่านอินสตราแกรมว่าได้ถูกหญิง อายุ 17 ปี อ้างว่าเป็นแฟนคลับ สวมรอยนําชื่อไปหลอกผู้เสียหายร่วมลงทุนเป็นแวน ล่าสุดได้ติดต่อขอยืมเงินอีก 120,000 บาท ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่ได้ทําธุรกิจสีเทาร่วมกับครอบครัวผู้ก่อเหตุ

โดยข้อความในไอจีของ อุ๊งอิ๊ง ระบุว่า “น้องบิว อ้างว่าเป็นแฟนคลับพี่ มาสักพักหนึ่ง ทํา page ให้พี่ มี คนตาม 1พันกว่า เคยมาเจอกันที่ กทม. 2ครั้ง จริงๆไม่ อยากลงแบบนี้ แต่พอดีน้องอ้างไปเยอะมาก จนเรื่องวน มาถึงพี่ ทําให้คนอื่นๆเดือดร้อน (ได้ยินว่าชวน ผู้ใหญ่หลายคนลงทุนเป็นแสน แต่ตอนนี้ไม่มีเงินคืน และอ้างว่าอิ๊งค์กําลังช่วยจัดการ ซึ่งอิ๊งค์ไม่รู้เรื่องเลย ยยยย) ล่าสุดน้องส่งมาขอยืมเงินพี่ 120,000 พี่ก็ตกใจ เด็กน้อย อายุ17 จะเอาเงินไปทําอะไรขนาดนี้ เล่าเรื่อง วนไปมา พูดไม่เหมือนเดิมสักรอบเลย เอาเป็นว่า ราย ละเอียดก็ช่างมันเนาะ รู้แล้วหล่ะว่าโกหกทั้งหมด ขอ ยืนยันตรงนี้ ว่า ไม่ได้รู้จักกับครอบครัวของน้องนะคะ ที่ น้องอ้างว่าคุณพ่อทําธุรกิจสีเทา และลิ้งค์ร่วมทําด้วย ไม่ เป็นความจริงนะคะ ยังไม่เคยเจอหรือรู้จักที่บ้านน้องเลยค่ะ ) และน้องไม่ได้ทํางานกับมูลนิธิไทยคมนะคะ น้อง เคยชวนทําบุญให้โรงพยาบาลที่ภาคใต้ช่วง covid19 ระบาดหนัก ก็ได้โอนเงินช่วยเหลือไป ผ่านบัญชีโรง พยาบาลแค่นั้นค่ะ ….”

ทั้งนี้ แพทองธาร ยังได้กล่าวให้สติในช่องคอมเมนต์ว่าทำอะไรผิดพลาด ขอโอกาสผู้ใหญ่ก็พร้อมให้อภัย อย่าโกหกสร้างเรื่องให้ผู้อื่นเดือดร้อน ที่เธอเองโพสต์ข้อมูลนี้ลงไป ตัวเธอเองก็เสียใจ “the truth is never as painful as discovering a lie”

เมื่อเดินทางถึงวัดป่าบ้านตาด นายกรัฐมนตรีเข้ากราบพระประธาน จากนั้นกราบนมัสการพระราชวชิรธรรมาจารย์ หลวงพ่อสุธรรม สุธัมโม เจ้าอาวาสวัดเกษรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) และพระราชภาวนาวชิรากร (หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก) เจ้าอาวาสวัดอุดมมงคงวนาราม (วัดป่านาคำน้อย) โดยได้ถวายกระทงดอกไม้ เครื่องจตุปัจจัยไทยธรรม ก่อนสนทนาธรรมกับพระเกจิอาจารย์ทั้ง 2 รูป โดยหลวงพ่อสุธรรม สุธัมโม มอบหนังสือประวัติความเป็นมาของวัดป่าบ้านตาดให้นายกรัฐมนตรีและคณะ

Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่า